วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555

สถาปัตยกรรมยุโรป

มหาวิหารโคโลญ 
ความเป็นมาทางประวัติศาสตร์
  • โคโลญจน์เมืองทางฝั่งตะวันตกของประเทศเยอรมัน ที่อยู่ริมฝั่งของแม่น้ำไรน์ เป็นเมืองใหญ่อีกเมืองหนึ่งที่น่าสนใจของเยอรมัน มหาวิหารโคโลญจน์ (Cologne Cathedral หรือKölner Dom) สร้างเสร็จพร้อมกับมีพีธีวางหลักหินบันทึกข้อมูลการก่อสร้าง(foundation stone) โดยเริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 1791 แต่มีปัญหาให้ต้องหยุดพักการก่อสร้างไปบ้าง กว่าจะสร้างเสร็จสมบูรณ์จึงต้องใช้เวลากว่าหกร้อยปี มหาวิหารโคโลญจน์เป็นวิหารที่ใหญ่และสูงที่สุดในโลกในสมัยนั้น คือช่วงปี ปี 1880-1884 แม้ปัจจุบันก็ยังติดอันดับ 3 ของโลก และ สูงเป็นอันดับสองในยุโรป รองจาก Ulmer Münster หรือมหาวิหารอูล์ม ในเมืองอูล์ม (Ulm) ประเทศเยอรมนี ซึ่งสูง 161 เมตร ปัจจุบันมหาวิหารโคโลญจน์นับจุดหมายสำคัญที่ต้องมาเยือนของเมืองโคโลญจน์และ ของประเทศเยอรมนี ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี 1996 และในปี 2004 โดนใบแดงจากยูเนสโก เนื่องจากมีการพิจารณาว่าทำผิดกฎเกณฑ์การเป็นมรดกโลก เพราะมีการสร้างอาคารสูง ๆ ทั่วไปริมลำน้ำไรน์ เป็นการทำลายทัศนียภาพของโดม ในปี 2006 คณะกรรมการยูเนสโกพิจารณาถอนใบแดง และประกาศให้เป็นมรกดกโลกต่อไป การก่อสร้างอาคารสูง ๆ รอบ ๆ โดม ได้ยุติลง และบริษัทก่อสร้างหลายบริษัทต้องยกเลิกโครงการก่อสร้างอาคารสูงเหล่านี้ ปี 2004 โดนใบแดงจากยูเนสโก โดนพิจารณาเรื่องผิดกฎเกณฑ์การเป็นมรดกโลก เพราะ ข้อแม้เรื่องตึกสูงๆ ที่ทำลายทัศนียภาพของโดม ที่สร้างทั่วไปริมลำน้ำไรน์ ปี 2006 คณะกรรมการพิจารณาถอนใบแดง ให้เป็นมรกดกโลกต่อไป ทำให้มีการยุติเรื่องการก่อสร้างตึกสูงๆ รอบๆ โดม และมีบริษัทก่อสร้างหลายบริษัทต้องยกเลิกโครงการก่อสร้างตึกสูง
  • ผู้สร้าง,อายุสมัย
  • สร้างขึ้นระหว่าง 1248 และ 1880 เพื่ออุทิศให้แก่ นักบุญปีเตอร์ และ พระแม่มารี
  • รูปแบบศิลปะและองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรม
  • มหาวิหารโคโลญจน์เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิก (Gothic) มีหอคอยแฝดสูง 157 เมตร กว้าง 86 เมตร ยาว 144 เมตร สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่ นักบุญปีเตอร์ และ พระแม่มารี (Blessed Virgin Mary) ปัจจุบันมหาวิหารโคโลญจน์นับจุดหมายสำคัญของเมืองโคโลญและประเทศเยอรมนี และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี 2536 ภายในโดดเด่นด้วยกระจกสี และมีโกศทองของกษัตริย์ทั้งสาม
  •